เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ที่ผ่านมา (13 พ.ย.) ตำรวจสน.ลำผักชี รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ แฟมิลี่มาร์ท บริเวณปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 29 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา ชั้นล่างเปิดร้านสะดวกซื้อ พบพนักงานหญิง 2 คนยืนรอให้การด้วยความตกใจ โดยได้ปิดร้านงดขายไว้ น.ส.ศิราณี (สงวนนามสกุล) พนักงานร้านฯ ให้การว่า ช่วงเวลา 00.50 น.ที่ผ่านมา มีคนร้ายซึ่งเป็นชายรายหนึ่ง ใส่หมวกนิรภัยแบบเต็มใบสีดำ สวมเสื้อแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ รูปร่างผอม ส่วนสูงประมาณ 160 ซม. เดินตรงเข้ามาภายในร้าน ยืนที่หน้าเคาน์เตอร์ และทำทีมาซื้อบุหรี่ 1 ซอง
ขณะที่พนักงานหญิงกำลังหยิบบุหรี่ให้ คนร้ายก็ชักมีดออกมาจากเอว
ลักษณะเป็นมีดปลายแหลม ยาวประมาณ 20 ซม. ขึ้นมาข่มขู่ พร้อมกับพูดว่า “เอาเงินมา” ด้วยความกลัวว่าจะเกิดภัยอันตรายขึ้นทำให้ตนเปิดลิ้นชักเก็บเงินไม่ได้ และได้ตะโกนร้องให้เพื่อนพนักงานอีกคนมาช่วยเปิดลิ้นชักเก็บเงินทั้ง 2 ลิ้นชัก
จากนั้นคนร้ายได้เอื้อมมือมาหยิบเงินสดประมาณ 5,000 บาท ออกจากลิ้นชัก ก่อนจะวิ่งไปขับขี่รถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน หลบหนีไปทางถนนสุวินทวงศ์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำพนักงานร้านอีกครั้ง และได้ประสานทางฝ่ายสืบสวนให้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี
“ถ้าหากเขาไม่ได้เข้ามาช่วยครอบครัวของเรา ไม่ได้มาต่อสู้เพื่อพระพุทธศาสนา ก็น่าจะใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างมีความสุข ไม่ต้องมาเจอกับภาระที่หนักหนาแบบนี้ การที่เขาถือปืนอยู่ตรงนั้น เขาไม่ใช่คนร้าย ที่ตั้งใจจะยิงผู้อื่น เชื่อว่าเพราะบันดาลโทสะ เพราะเก็บกด และอาจมองว่าไม่มีอะไรที่ทำให้คนหันมาสนใจ เป็นการเสียสละชีวิตเพื่อให้ความจริงกฎ”
วันนี้ (13 พ.ย.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เผยความคืบหน้าเหตุที่มีการยิงกันภายในศาลจังหวัดจันทบุรี ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 2 ราย ว่า ภายหลังจากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ตรวจยึดอาวุธปืน ปลอกกระสุน และลูกกระสุน พร้อมทั้งสอบปากคำพยานในเหตุการณ์ และตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตำรวจ สภ.เมืองจันทบุรี ขออนุมัติออกหมายจับ นายธนากร ธีรวโรดม ซึ่งเป็นผู้ใช้ปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลยิงใส่ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์
เมื่อเช้าที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวนพบว่ารถคันที่นายธนากร นั่งออกมาจากศาลนั้น จอดอยู่บริเวณโรงแรมเกษมศานติ์ จันทบุรี จึงได้ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 เฝ้าดูจนถึงกระทั่งนายธนากรออกจากห้อง และได้แสดงหมายจับเพื่อเข้าจับกุมตัว
ส่วนเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้นั้น พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุปัญหาเรื่องที่ดิน จำนวน 86 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3,800 ไร่ ตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีการฟ้องร้องคดีกันไปมาอีกหลายคดี เป็นเวลานานกว่า 10 ปี แล้ว
ด้านผู้บาดเจ็บจำนวน 2 รายนั้น ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า โดยสภ.เมืองจันทบุรีได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความคุ้มครองตลอดเวลา ประกอบกับลูกสาวนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ (ผู้เสียชีวิต) และนางสุภาภรณ์ ปรมีศณาภรณ์ (ผู้บาดเจ็บ) ได้ร้องขอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความคุ้มครอง เนื่องจากเกิดความหวาดกลัว จึงมีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงจำนวนไปให้ความคุ้มครองตามที่ร้องขออีกด้วย
จับพิรุธคดีฆ่ายกครัว 3 ศพ – ญาติเผยปมแฟนหนุ่มของลูกสาว
จากกรณีที่ มีเหตุฆ่ายกครัว 3 ศพ ภายในบ้านพักหมู่ 3 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย โดยตำรวจตรวจพบศพในบ้าน ประกอบด้วย นายอุดม กิมสี อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน และพนักงานกองคลังเทศบาล ต.บ้านดู่ นอนเสียชีวิตอยู่ในห้องโถงหน้าบ้าน คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-4 วัน ภายในห้องนอนพบศพนางณัชชา กิมสี อายุ 51 ปี ภรรยานอนเสียชีวิต และในห้องนอนใกล้กันพบศพน.ส.เสาวรส กิมสี หรือน้องแป้ง อายุ 26 ปี
จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อคืนวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดในบ้านที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุร้าย กระทั่งเพื่อนเจ้าหน้าที่เห็นคนตายไม่ไปทำงาน เลยมาตามที่บ้านและพบ 3 ศพ โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่าถูกยิงทั้งทั้ง 3 ราย แต่ต้องรอตรวจสอบ
จากความคืบหน้าวันนี้ (2 พ.ย.) พ.ต.อ.สันติ กองสมัคร รองผบภ.ภ.จว.เชียงราย กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ฟันธงว่าเกิดจากเรื่องภายในครอบครัวกันเอง หรือเกิดจากการฆาตรกรรม แม้แต่สาเหตุร่องรอยการเสียชีวิตก็ยังไม่ชัดเจน เพราะยังคงต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพ เพราะศพมีสภาพขึ้นอืด ขณะที่ของกลางในที่เกิดเหตุยังไม่พบอาวุธ แต่ก็จะตรวจสอบอย่างละเอียด
ทางด้าน นายพัฒนพงษ์ โพธิ์เกตุ นายกเทศมนตรี ต.บ้านดู่ กล่าวว่า ปกตินายอุดมจะเป็นคนร่าเริง จึงไม่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ นายอุดมเองก็ไม่เคยบอกว่ามีเรื่องคับแค้นใจ อีกทั้งยังเป็นคนช่วยเหลือชาวบ้าน โดยนายอุดมจะเดินทางทำงานที่เทศบาลตามปกติ ในแผนกจัดเก็บรายได้ ทำให้แต่ละวันจะขี่รถจักรยานยนต์ออกไปสำรวจพื้นที่ตามสายงาน กระทั่งก่อนเกิดเหตุยังได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่และแม้แต่ตนก็เคยพูดคุยด้วยเสมอ เพราะนายอุดมถือเป็นคนเก่าแก่ที่ทำงานในเทศบาลมากว่า 10 กว่าปี
ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตนั้น ตนไม่อาจทราบได้ แต่ก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะดูแล้วไม่มีสิ่งใดจะมากดดันให้เขาต้องทำเช่นนั้น ส่วนจะเกิดจากถูกฆาตกรรมหรือไม่นั้น คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ได้คลี่คลายคดี
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร