‘ประยุทธ์’ สั่งตรวจสอบความเสียหายกรณี ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว

‘ประยุทธ์’ สั่งตรวจสอบความเสียหายกรณี ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว

ประยุทธ์ สั่งตรวจสอบความเสียหายในส่วนอื่นๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุ ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว พร้อมยกย่องความสามารถของบุคลากร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กพูดถึงเหตุการณ์ ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว ที่ใช้เวลานานกว่า 24 ชั่วโมงกว่าจะสามารถควบคุมเพลิงได้

โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “สถานการณ์ล่าสุดเหตุเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ 

เราสามารถควบคุมการลุกไหม้ของเพลิงได้ที่ต้นตอได้ก่อนเที่ยงคืนเมื่อวาน ทั้งนี้สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการที่จะเข้าถึงคือ เป็นเพลิงที่เกิดจากสารเคมี (สารสไตรีนโมโนเมอร์และสารพอลิสไตรีน) ซึ่งเป็นของเหลวไวไฟสูง

ดังนั้นการต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง และต้องใช้วิธีการโปรยโฟมดับเพลิงจากทางอากาศและระดมฉีดโฟมจากภาคพื้นดินจนสามารถปิดวาล์วถังสารเคมีทั้ง 3 จุดได้ ด้วยความสามารถและการผสานพลังของเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านการระงับเหตุจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงทีมโดรนของสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ และทีมจิตอาสาโดรน NOVY ในการส่งภาพเหตุการณ์จากทางอากาศได้แบบ Real time ทำให้สามารถประเมินสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี และความร่วมมือจากหลายๆ หน่วยงานที่ผมได้กล่าวถึงในโพสต์ก่อนหน้านี้ โดยในขณะนี้ เราสามารถดับเพลิงได้แล้ว แต่ยังมีความจำเป็นต้องฉีดโฟมเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการปะทุขึ้นใหม่ และฉีดน้ำเพื่อลดอุณหภูมิ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ได้คอยดูแลเฝ้าระวังในพื้นที่อย่างรอบคอบและรัดกุมที่สุด

การทำงานครั้งนี้ เราได้พยายามดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุดตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุ เริ่มจากการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โดยจังหวัดสมุทรปราการในทันที เพื่อระดมทรัพยากรทั้งปวงจากทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งเครื่องมือขนาดใหญ่-เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญทุกแขนง กำลังพลทุกฝ่ายทั้งในการดับเพลิง การอพยพ การรักษาพยาบาล ไปจนถึงการจัดการจราจร เพื่อไม่ให้เกิดการจลาจล เป็นต้น ส่วนด้านการดูแลพี่น้องประชาชนและแรงงานที่ได้รับผลกระทบหลายพันคน องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนเป็นการด่วน โดยได้จัดหาที่พักพิงชั่วคราว และอาหารที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นโรงครัวพระราชทานสำหรับทุกคนในพื้นที่ เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจในการดำรงชีวิตกลับคืนมาโดยเร็ว

ผมเชื่อว่า สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การรับมือกับสถานการณ์ในครั้งนี้ได้ ก็คือ ความสามารถของบุคลากร และการระดมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆจำนวนมากเข้าร่วมระงับเหตุได้ โดยรัฐบาลได้ผลักดันและเริ่มดำเนินการแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2558 ทำให้เรามีการฝึกซ้อมในสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับใหญ่ หลากหลายรูปแบบมาแล้วหลายครั้ง และปรับรูปแบบ เพิ่มเติมอุปกรณ์จำเป็น ที่ทันสมัยและได้มาตรฐานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังเช่นเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย KA-32 ที่นำมาใช้สำหรับภารกิจป้องกันสาธารณภัยโดยเฉพาะ ทำให้เจ้าหน้าที่มีความชำนาญในการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการกันภายใต้ศูนย์บัญชาการเดียวกันในครั้งนี้

แม้จะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่งานของเรายังไม่จบ ผมได้สั่งการให้มีการสำรวจและจำกัดความเสียหายในเรื่องอื่นๆ ที่อาจจะตามมา เช่น การตรวจสภาพปนเปื้อนในดิน น้ำ น้ำใต้ดิน แม่น้ำ แหล่งน้ำ น้ำประปา และอากาศในพื้นที่โดยรอบ เพื่อลดและบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ยังต้องช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะทีมฮีโร่เจ้าหน้าที่ผู้กล้าหาญเข้าเสี่ยงอันตรายเพื่อควบคุมเหตุ ที่มีทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ที่ทางรัฐบาลจะดูแลอย่างดีที่สุด รวมทั้งผู้บาดเจ็บและได้รับความเสียหายอื่นๆ รวมถึงการสอบสวนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ และการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคตด้วย

‘วราวุธ’ ยืนยัน ‘ประยุทธ์’ กินข้าวริมทะเล ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว

นาย วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาชี้แจงหลังจากที่มีคลิปของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.)บางส่วนร่วมรับประทานของว่างที่ จ.ภูเก็ต โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชี่ยลอย่างมาก

โดยนายวราวุธระบุว่าสถานที่ดังกล่าวอยู่ที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และการที่นายกรัฐมนตรี กับ ครม.เดินทางไปภารกิจในครั้งนี้คือการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวให้สามารถเข้ามาท่องเที่ยว และรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม ได้อย่างสบายใจ และยังมีเงื่อนไขการเข้ามาของนักท่องเที่ยวด้วยว่าต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ซึ่งครม.ทุกคนเองก็ฉีดครบ 2 เข็มแล้วทั้งนั้น

และในภาพดังกล่าวเป็นช่วงรับประทานของว่าง กาแฟระหว่างรอภารกิจต่อไปคือการไปรับนักท่องเที่ยวที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต ซึ่งขณะกินนั้นคงไม่มีใครสวมหน้ากาก ถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นขอให้ใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ข่าวว่าข้อเท็จจริงมีอย่างไร และอุทยานแห่งชาติสิรินาถเองนั้น ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของจังหวัดทุกประการ และจ.ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่เปิดแล้ว เราก็ดำเนินการตามมาตราการทุกอย่าง ตนเองก็ไม่เห็นว่าเป็นประเด็นอะไร การนั่งตรงนี้เป็นการนั่งโอเพนแอร์ ดีกว่าไปนั่งในห้องอุดอู้ และจุดประสงค์ของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เปิดให้นักท่องเที่ยวทำอะไรได้อย่างเสรี ซึ่งเราก็ทำเป็นตัวอย่าง แต่ถ้าทำอย่างนี้ในกรุงเทพฯถือเป็นสิ่งที่ไม่ควร

ส่วนกรณีที่โลกโซเชียลนำไปดราม่านั้น ขอให้ผู้บริโภคข่าวตามโซเชี่ยลใช้วิจารณญาณในการบริโภคข่าวเพราะการทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องดูเหตุผลด้วยไม่เช่นนั้นคงต้องย้อนถามว่าเวลากินของว่างกับกาแฟ หรือกินข้าวกัน คุณใส่หน้ากากหรือถอดหน้ากาก หรือกินข้าวคำหนึ่งแล้วถอด กินคำหนี่งแล้ว และที่เราทำ ก็ทำตามกฎกติกาทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง การบริโภคสื่อ หรือการทำความเข้าใจกับข่าวใด ขอให้เข้าใจที่มาที่ไป แต่ถ้าจะจงใจต่อว่าอย่างเดียวก็โอเค และนี่คือเหตุผล ส่วนจะอธิบายแล้วรับฟัง หรือไม่รับฟัง ก็คงบังคับกันไม่ได้

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร